หมู่เกาะมะริด เมอร์กุย หรือ มเยะอ์จูง์ซุ
မြိတ်ကျွန်းစု
มะริด เมอร์กุย หรือ มเยะอ์
'Ma-rit' was the Thai name called an important seaport on the Andaman coast since Ayutthaya Kingdom. The European ships landed here where they called it 'Mergui' before crossing Tenasserim Range to Ayutthaya City. Myanmar called this town 'Myeik' which nowadays is in Myeik District, 1 of 3 districts of the southernmost Tanintharyi Region.
'มะริด' เป็นชื่อที่คนไทยเรียกเมืองท่าฝั่งทะเลอันดามันที่สำคัญมาตั้งแต่สมัยอยุธยา เพราะเป็นจุดที่เรือของชาวยุโรปเทียบท่าและเรียกเมืองนี้ตามสำเนียงตนเองว่า 'เมอร์กุย' ก่อนขึ้นฝั่งข้ามเทือกเขาตะนาวศรีมายังกรุงศรีอยุธยา ชาวเมียนมาเรียกเมืองนี้ว่า 'มเยะอ์' ปัจจุบันอยู่ในเขตมเยะอ์ ซึ่งเป็น ๑ ใน ๓ เขตของพื้นที่ตะนีง์ตารี หรือ ตะนาวศรี ทางใต้สุดของประเทศ
Although this group of about 800 islands had its name 'Myeik Archipelago', most of them which were opened for tourists in southern area were in Kaw Thaung District, the southernmost district of Myanmar. They were in continuity with the busy tourist islands in neighboring Thailand. In contrast, most of these islands here were not exposed and crowded with travelers, thus could maintain much of their pristine nature.
แม้เกาะจำนวนกว่า ๘๐๐ เกาะนี้จะมีชื่อว่า ‘หมุ่เกาะมะริด’ แต่เกาะส่วนใหญ่ที่เปิดให้นักท่องเที่ยวสามารถไปชื่นชมธรรมชาติได้จะอยู่ทางตอนใต้ในเขตเกาะสอง เขตปกครองทางใต้สุดของประเทศเมียนมา ซึ่งต่อเนื่องกับหมู่เกาะในประเทศเพื่อนบ้านอย่างไทย ที่ปัจจุบันกลายเป็นแหล่งท่องเทียวที่มีนักท่องเที่ยวหนาแน่นที่สุดแห่งหนึ่ง ตรงกันข้าม หมู่เกาะมะริดส่วนใหญ่ยังมีนักท่องเที่ยวไปสัมผัสไม่มาก คงความเป็นธรรมชาติอันบริสุทธิ์ไว้ได้อย่างมหัศจรรย์
Archipelago of Diversity
หมู่เกาะแห่งความหลากหลาย
เมียนมาได้ขอขึ้นทะเบียนหมู่เกาะมะริดเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติของยูเนสโกตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๗ พร้อมกับสถานที่อื่นอีกหลายแห่งในประเทศ และยังคงอยู่ในรายการรอพิจารณา สำหรับหมู่เกาะแห่งนี้มีความสำคัญในฐานะที่เป็นแนวปะการัง ป่าโกงกางและพื้นที่ชุ่มน้ำที่ยังไม่ถูกรบกวนเหมือนพื้นที่ท่องเที่ยวใกล้เคียง มีพันธุ์พืชและสัตว์หลากหลายชนิด ส่วนหนึ่งหายากอยู่ในภาวะวิกฤต ซึ่งมีความเสี่ยงสูงมากที่จะสูญพันธุ์ไปจากธรรมชาติในขณะนี้ เช่น กระ เต่ามะเฟือง พืชในตระกูลยางหลายชนิด และต้นลำแพนหิน กลุ่มที่อยู่ในภาวะอันตราย มีความเสี่ยงสูงที่จะสูญพันธุ์ไปจากธรรมชาติ เช่น ลิ่นซุนดา เต่าตนุ เต่าจักร และพรรณพืชอีกหลายชนิด นอกจากนี้ หมู่เกาะนี้ยังเป็นแหล่งพักพิงของชาวมอแกน ผู้ใช้ชีวิตส่วนใหญ่ในท้องทะเลอีกด้วย
Most of the islands have not yet been throughly explored. Enormous natural resources of outstanding value for not just the nation but worldwide were expected to be discovered, systemically surveyed and reported. Until now there have been several national and international projects in the area especially around the Lampi marine national park.
พื้นที่ส่วนใหญ่ของหมู่เกาะยังไม่เคยถูกสำรวจ คาดว่าน่าจะมีทรัพยากรทางธรรมชาติที่มีคุณค่ามหาศาลของประเทศและของโลกอีกจำนวนมากที่รอคอยการสืบค้น สำรวจและรายงานอย่างเป็นระบบ จนถึงปัจจุบันมีโครงการสำรวจทั้งในระดับประเทศและนานาชาติในพื้นที่โดยเฉพาะในบริเวณรอบอุทยานแห่งชาติทางทะเลลาง์ปิ
http://whc.unesco.org/en/tentativelists/5874/
http://www.lampipark.org
http://www.projectmanaia.at/Projects/MABR/MABR.html
https://www.mission-blue.org/2015/11/expeditions-to-the-mergui-archipelago/
No comments:
Post a Comment